This is Run's World. Welcome to my world. Nice to meet you all.

Sathorn Unique Tower : ตึกร้างสาธร

Tuesday, May 12, 2015

     สวัสดีครับ หลังจากได้มีโอกาสขึ้นไปชมวิวที่ตึก Sathorn Unique Tower ก็อยากจะมาแบ่งปันประสบการให้กับเพื่อนๆที่คิดจะไป หรือไม่มีโอกาสได้ไปกันนะครับ


     การเตรียมตัวก็มีเพียงของกิน (ใส่กระเป๋า) น้ำดื่ม กล้อง และอุปกรณ์ถ่ายรูปเท่านั้น

     ต้องบอกก่อนว่าตึกนี้เป็นตึกร้างอย่างที่เราทราบกันดี ไม่มีการอำนวยความสะดวกใดๆทั้งสิ้น ส่วนเรื่องการเดินทางถือว่าสะดวกมากครับ เดินทางโดยใช้ BTS ลงที่สถานี สะพานตากสิน (BTS Saphan Taksin Station) แล้วเดินเท้าเข้าไปที่ตึกได้เลยครับ

     ก่อนหน้านี้ทางตึกไม่มีผู้ดูแล ทุกคนสามารถขึ้นลงได้ตามอิสระ หลังจากเกิดเหตุการไม่คาดคิด ทางตำรวจได้สั่งปิดตึก ห้ามคนนอกเข้าออกโดยไม่มีกำหนดเปิด แต่หลังจากข่าวเงียบลง ก็ทำให้คนในพื้นที่กลับมาเปิดให้ขึ้นตึกอีกครั้ง โดยเก็บค่าเข้าสำหรับคนไทย 100 บาท ชาวต่างชาติ 200 บาท (Entrance fee 200 Baht for Foreigner) ซึ่งวันที่ผมไป มีคนขึ้นตึกประมาณ 50-70 คน คิดเป็นชาวต่างชาติ 50% ชาวไทย 50% (ลองคำนวนดูครับว่ารายได้ต่อวันจะอยู่ที่ประมาณเท่าไร)

     ผมเดินทางไปถึงเวลาประมาณ 16:00 น. ผมและเพื่อนตัดสินใจจ่ายเงิน และขึ้นไปทางบันไดหนีไฟ ซึ่งเป็นทางลาดชัน ไม่มีราวจับ มีเพียงไฟที่ทางคนดูแลพื้นที่นำมาติดให้ในบางชั้น ระหว่างขึ้นไปก็แวะสำรวจในบางชั้น ซึ่งก็ไม่พบอะไรน่าสนใจ


ทางเดินด้านในตึก
     ตึกสาธรมีจำนวน 50 ชั้น (รวมดาดฟ้า) ผมและเพื่อนพยายามขึ้นไปให้ถึงชั้นบนสุด แต่ด้วยความลาดชันของบันไดก็ทำให้เหนื่อยและต้องหยุดพักกันหลายรอบอยู่เหมือนกัน พวกเราขึ้นไปถึงชั้นประมาณ 30-40 ก็เริ่มเห็นวิวที่สวยงามแล้วเหมือนกัน

วิวด้านทิศตะวันออกจากตึกสาธร

     ระหว่างทางก็พบผู้คนมากมาย ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติที่ขึ้นไปชมวิวด้านบนตึก ก็ทำให้ความน่ากลัวลดน้อยลงไปเพราะจำนวนคนที่ขึ้นลงตึก ผมและเพื่อนพยายามมองหาจุดชมวิวใหม่ๆ เพื่อที่จะได้ถ่ายภาพมุมใหม่บ้าง


วิวทางทิศใต้จากตึกสาธร
     พอมองออกไปทางทิศใต้ของตึก ก็จะมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยา สะพานพระราม 3 และ Asiatique The Riverfront ด้วยนะครับ หลังจากหายเหนื่อย พวกเราก็มุ่งหน้าขึ้นไปให้ถึงชั้นสูงสุด คือชั้นดาดฟ้านั้นเองครับ เพราะเคยเห็นแต่ในรูป อยากจะรู้ว่าของจริงจะสวยเหมือนในรูปไหม

บรรดาชาวต่างชาติ และคนไทยที่ขึ้นมาชมวิวบนยอดตึก
     จากในรูปจะเห็นว่ามีคนเยอะมาก ที่พอทราบข่าวว่ามีการเปิดให้ขึ้นตึกอีกครั้ง ก็แห่แหนกันขึ้นมาบนตึก มีทั้งช่าภาพที่พานางแบบ นายแบบมาถ่ายรูป ช่างภาพที่มาเก็บภาพวิวเมืองหลวงจากยอดตึก หรือจะเป็นกลุ่มชาวต่างชาติที่ขึ้นมาเพียงนั่งชมวิว จิบเบียร์ และซึมซับบรรยากาศยามเย็นบนยอดตึก

กลุ่มชาวต่างชาติที่มานั่งซึมซับบรรยากาศด้านบน
     แต่ที่น่าสนใจคือบางคนออกไปนั่งตรงสุดขอบตึก ขนาดตัวผมเองแค่มองลงไปก็ยังขาสั่น หน้ามืดกันเลย อีกใจก็อยากจะออกไปนั่งแบบนั้นบ้าง แต่ไม่ไหวจริงๆครับ

สุดขอบตึก
     ลองเดินหามุมอื่นบ้าง จะได้เก็บภาพได้หลากหลายหน่อย พอหันไปทางทิศตะวันออกอีกทีก็มองเห็นแสงทไวไลท์ที่สะท้อนจากทางทิศตะวันตก ก็รู้สึกว่าสวยดีครับ เลยเก็บภาพมาด้วย

แสงทไวไลท์จากทางทิศตะวันออก
     หลังจากเดินชมพื้นที่รอบๆแล้ว ผมก็เดินหาจุดที่เหมาะกับการเก็บภาพพระอาทิตย์ตกดิน ต้องรีบไปจองพื้นที่ เพราะคนเยอะมาก ถ้าพลาดแล้วก็คงอดเก็บภาพด้วยเหมือนกัน สุดท้ายก็ได้วิวที่พอดี ได้เก็บภาพพระอาทิตย์ตกทันเวลา

พระอาทิตย์ตกดิน
     ผมถ่ายภาพไว้ไม่เยอะเท่าไร ส่วนมากจะยืนมองวิว ซึมซับบรรยากาศเสียมากกว่า เพราะมุมก็มีอยู่มุมเดิม เลยเลือกภาพที่โอเคที่สุด ในรูปไม่สวยเท่ามองด้วยตาเปล่าจริงๆครับ

ระหว่างยืนมองพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ก็เริ่มหมดลง แสงไฟจากเมืองหลวงก็เริ่มส่องสว่างขึ้น และนี่ก็คือไฮไลท์ของการขึ้นมาบนตึกนี้เลยครับ การที่จะได้มองเห็นแสงไฟ ที่ส่องสว่างกลางเมืองหลวง การที่ได้มองจากด้านบน หรือจุดที่สูงที่สุดมันสวยงามมากจริงๆครับ

มุมมหาชน สะพานตากสิน ฝั่งธนบุรี
     เรียกว่าใครขึ้นมาก็ต้องมาเก็บภาพมุมนี้อย่างแน่นอน ที่เหลือก็แล้วแต่อุปกรณ์ และเทคนิคการถ่ายภาพของแต่ละคนนะครับ ส่วนผมคงเก็บได้เพียงเท่านี้เพราะเนื่องจากอุปกรณ์ของตัวเองยังไม่เยอะเหมือนคนอื่น แต่ก็ถือว่าพอใจแล้วละครับที่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ส่วนตัวคิดว่าถ้ามีอุปกรณ์ที่พร้อมมากกว่านี้คงได้กลับขึ้นมาอีก

คำแนะนำ : การขึ้นมาที่ตึกสาธรครั้งนี้ก็เป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าแล้วครับ เราต้องเช็คจากกลุ่มช่างภาพเองว่าตึกเปิดเมื่อไร เพราะทุกครั้งที่ข่าวแพร่กระจายออกไป ทำให้มีคนแห่ขึ้นตึกกันอย่างมาก ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องสั่งปิดตึกทุกครั้ง การเตรียมตัวไม่ต้องเตรียมอะไรมากครับ ขอเพียงแค่ร่างกายที่พร้อมจะเดินขึ้นตึก 50 ชั้น ด้วยบันไดหนีไป น้ำดื่ม ของกินเล็กน้อย และอุปกรณ์ถ่ายภาพก็พอครับ

สรุป : คุ้มค่ากับความเหนื่อยครับ แลกกับการได้เห็นวิวทิวทัศน์ทั้วเมืองกรุงเทพฯ ถ้าใครมีโอกาสก็อยากให้ลองขึ้นไปดูครับ ตึกไม่น่ากลัวอย่างที่คิด หากมีการเปิดให้ขึ้น ก็จะมีผู้คนเดินขึ้นลงตลอด แต่รู้สึกว่าช่วงนี้ตึกจะปิดนะครับ ลองเช็คข่าวจากกลุ่มช่างภาพดูก่อนได้ ควรขึ้นตึกเวลาประมาณ 16:00 น. ครับ เพราะแดดประเทศไทยแรง แสงแดดยังส่องถึงเข้ามาในตึก เราอาจจะหามุมถ่ายภาพกันก่อนได้ ส่วนวิวที่เราจะถ่ายก็ลองเดินหาพื้นที่ที่หันไปทางทิศตะวันตกดูนะครับ แนะนำชั้น 40 ขึ้นไป เพราะบางชั้นมีป้ายโฆษณาบังอยู่ 

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้นะครับ แล้วพบกันในบทความต่อไป

หมายเหตุ : ภาพทุกภาพผ่านการตกแต่งด้วยโปรแกรม

My Gallery : AREYOUENDS at Flickr







Introduce Myself

Sunday, May 10, 2015

Let me introduce myself.


My name is Saran Thitiskuntorn. You can call me Run.
Run is my nickname. I am a guy who come from Thailand.
I was born in 1993. Now I'm 22 years old.


I am graduted from Suan Sunandha Rajabhat University, International College.
I studied in Bachelor of Art, Business Administration and Management.
My major is International Business Program.


I am interesting in journey life. I would like to travel around the world.
I want to get an experience and learn everything around me.

I love in photography. I love in music. I love in fashion.

Thank you for your coming in my blog.
When you come to my blog and read it.
Please remember you are my friend.
Nice to meet you all.

);